เข้าสู่ระบบสมาชิก

Login

Shinji Okazaki

Shinji Okazaki

ชินจิ โอคาซากิ : กองหน้ายิงไม่บ่อย ที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยเรื่อง “วิ่ง”

ประกาศเตรียมแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาล 2023/24 แล้วเรียบร้อย สำหรับ ชินจิ โอคาซากิ กองหน้าดีกรีทีมชาติญี่ปุ่น ผู้ผ่านประสบการณ์ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 3 สมัยในปี 2010, 2014 และ 2018 โดยให้เหตุผลในเรื่องสภาพร่างกายที่เริ่มโรยรา

ตลอดอาชีพการค้าแข้งของ ชินจิ โอคาซากิ เขามักจะได้ลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ตำแหน่งที่ถูกคาดหวังให้ทำหน้าที่ผลิตสกอร์ให้กับทีม แต่เขากลับเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จกับการลงเล่นตำแหน่งนี้ ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ ด้วยการมีสิ่งอื่นที่ถูกพูดถึงมากกว่าผลงานการพังตาข่าย

นั่นก็คือ “การวิ่ง” ที่นอกจากจะเป็นการวิ่งพล่านไปทั่วสนาม ด้วยพลังงานอันเหลือล้นแล้ว มันยังเป็นการวิ่งที่สามารถช่วยสร้างประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านให้กับทีม

อะไรคือจุดที่ทำให้ ชินจิ โอคาซากิ เลือกเดินในบทบาทของกองหน้าสายวิ่ง ที่พร้อมก้าวเท้าสับขา วิ่งไล่บีบคู่แข่ง คอยหาช่อง ทำทางให้เพื่อนอยู่ตลอด

อยากวิ่งให้เร็วกว่านี้

ตำแหน่งกองหน้าในโลกของฟุตบอลนั้นมีมากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น กองหน้าตัวจบสกอร์, กองหน้าตัวเป้าสายค้ำ สูงใหญ่คอยเก็บบอลให้เพื่อน ๆ, กองหน้าตัวต่ำ เทคนิคดี สามารถถอยต่ำลงมาช่วยสร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้ทีม หรือกองหน้าสายครบเครื่อง ที่รับจบได้หมดทั้ง ยิง จ่าย เลี้ยง โหม่ง

จนมาถึงในช่วงหลังปี 2010 เทรนด์ฟุตบอลที่พัฒนาขึ้น ก็ได้ให้กำเนิดกองหน้ารูปแบบใหม่ขึ้นมาก็คือ “Pressing Forward” กองหน้าสายวิ่ง ที่ใช้พละกำลังไล่วิ่งเพรสซิ่งแดนบน เพื่อฉกฉวยโอกาสทำประตูจากความผิดพลาดของนักเตะคู่แข่ง

ชินจิ โอคาซากิ ถือเป็นนักเตะที่เล่นในบทบาทของกองหน้าสายวิ่ง สายเพรสซิ่ง ได้เก่งที่สุดที่สุดคนหนึ่ง สามารถวิ่งไล่บอลไปทั่วสนาม คอยสร้างความได้เปรียบให้กับเพื่อนร่วมทีม ทั้งในเกมรับและเกมรุก

อยากวิ่งให้เร็วกว่านี้

ตำแหน่งกองหน้าในโลกของฟุตบอลนั้นมีมากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น กองหน้าตัวจบสกอร์, กองหน้าตัวเป้าสายค้ำ สูงใหญ่คอยเก็บบอลให้เพื่อน ๆ, กองหน้าตัวต่ำ เทคนิคดี สามารถถอยต่ำลงมาช่วยสร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้ทีม หรือกองหน้าสายครบเครื่อง ที่รับจบได้หมดทั้ง ยิง จ่าย เลี้ยง โหม่ง

จนมาถึงในช่วงหลังปี 2010 เทรนด์ฟุตบอลที่พัฒนาขึ้น ก็ได้ให้กำเนิดกองหน้ารูปแบบใหม่ขึ้นมาก็คือ “Pressing Forward” กองหน้าสายวิ่ง ที่ใช้พละกำลังไล่วิ่งเพรสซิ่งแดนบน เพื่อฉกฉวยโอกาสทำประตูจากความผิดพลาดของนักเตะคู่แข่ง

ชินจิ โอคาซากิ ถือเป็นนักเตะที่เล่นในบทบาทของกองหน้าสายวิ่ง สายเพรสซิ่ง ได้เก่งที่สุดที่สุดคนหนึ่ง สามารถวิ่งไล่บอลไปทั่วสนาม คอยสร้างความได้เปรียบให้กับเพื่อนร่วมทีม ทั้งในเกมรับและเกมรุก

สิ่งที่ ชินจิ โอคาซากิ ได้จากการเข้าคอร์สพิเศษครั้งนี้ก็คือ การเปลี่ยนท่าทางการวิ่ง การจัดระเบียบร่างกายระหว่างวิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งมันทำให้เขาสามารถดึงศักยภาพการวิ่งของตัวเองออกมาได้มากขึ้น จนกลายเป็นว่าวิ่งเร็วและนานขึ้นกว่าตอนก่อนจะได้รับบาดเจ็บเสียอีก

“‘ผมอยากวิ่งให้ได้เร็วกว่านี้’ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการให้ผมช่วย” ทัตสึโอะ ซูงิโมโตะ กล่าวกับ yahoo.co.jp ถึงช่วงเวลาที่เขาเข้ามาเป็นโค้ชส่วนตัวให้ ชินจิ โอคาซากิ

“สำหรับนักฟุตบอลแล้ว การวิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับเรื่องทักษะการเลี้ยงบอล คุณต้องรู้วิธีการวิ่งที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้คุณสามารถใช้ทักษะด้านฟุตบอลที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

ทัตสึโอะ ซูงิโมโตะ เปิดเผยว่า เขาให้ ชินจิ โอคาซากิ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการขยับกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวร่างกายที่ถูกต้องระหว่างวิ่ง แล้วนำไปลองใช้ในการซ้อมวิ่ง โดยเขาแทบจะไม่ได้จับเวลาการวิ่งในแต่ละครั้งของ โอคาซากิ เพื่อเฝ้าดูพัฒนาการเลย

“ผมแทบจะไม่ได้จับเวลาตอนเขาวิ่งเลย ผมแค่ดูว่าเขาเคลื่อนไหวร่างกายได้ถูกต้องหรือเปล่า เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วที่สูงขึ้น ระยะทางยาวขึ้น และบ่อยครั้งขึ้น” ทัตสึโอะ ซูงิโมโตะ เผย

“เราจะซ้อมกันครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง มันเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด กับการให้ทั้งร่างกายและจิตใจ ได้จดจำเกี่ยวกับวิธีการวิ่งที่ถูกต้อง”

ชินจิ โอคาซากิ นำเทคนิคการวิ่งที่เรียนรู้จาก ทัตสึโอะ ซูงิโมโตะ มาปรับใช้กับการเล่นฟุตบอลของเขา จนสามารถเบียดแทรกขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวหลักของทีมได้มากขึ้นในฤดูกาล 2007 ลงเล่นเกมลีก 21 เกม ยิงได้ 5 ประตู

ก่อนจะมายิงแตะเลขสองหลักได้ครั้งแรกในวัย 22 ปี กับฤดูกาล 2008 นับเฉพาะในศึกเจลีก ลงเล่น 27 เกม ซัดไป 10 ประตู ต่อเนื่องในฤดูกาล 2009 ลงเล่น 34 เกม ยิงไป 14 ประตู และฤดูกาล 2010 ลงเล่น 31 เกม ยิงไป 13 ประตู

“การไปกับบอลด้วยความเร็วสูงสุด โดยที่ความเร็วไม่ตกลงไป การควบคุมความเร็วในการวิ่ง สิ่งเหล่านี้ โอคาซากิ สามารถทำมันได้” ทัตสึโอะ ซูงิโมโตะ กล่าวพัฒนาการด้านการวิ่งของ ชินจิ โอคาซากิ

 

 

ผลงานดังกล่าว กลายเป็นใบเบิกทางให้เขาได้มีโอกาสไปเฉิดฉายในนามทีมชาติ ชินจิ โอคาซากิ ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องที่ ญี่ปุ่น เปิดบ้านเสมอ ยูเออี 1-1 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2008 จากนั้นก็ติดทัพ “ซามูไรบลู” อย่างต่อเนื่อง มีชื่อติดทีมไปลุยฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ที่แอฟริกาใต้ ติดทีมไปคว้าแชมป์ เอเชียน คัพ 2011 ที่กาตาร์

รวมถึงได้มีโอกาสออกไปเติบโตกับการค้าแข้งในลีกยุโรป โดยเป็น สตุ๊ตการ์ท ทีมในบุนเดสลีก้า เยอรมนี ที่ตัดสินใจคว้าตัว ชินจิ โอคาซากิ ไปร่วมทีมทันที หลังจบศึก เอเชียน คัพ 2011

และสิ่งที่เขาได้ฝึกฝนอย่างเข้มข้นไปในญี่ปุ่นอย่าง “การวิ่ง” มันได้ไปแสดงผลลัพธ์ให้เห็นชัดมากขึ้นอีก บนเวทีลีกยุโรป

ปล่อยของในลีกยุโรป

ชินจิ โอคาซากิ ย้ายจาก ชิมิสุ เอส-พัลส์ มาร่วมงานกับ สตุ๊ตการ์ท ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะฤดูหนาว 2011 โดยตัวเขาในวัย 24 ปี ก็หมายมั่นที่จะประสบความสำเร็จให้ได้ กับการออกเดินทางไปเล่นฟุตบอลระดับสูงในลีกชั้นนำของโลกเป็นครั้งแรก

แต่ทว่า ผลงานของเขากับการลงเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้ เป็นเวลา 2 ฤดูกาลครึ่งนั้น ถือว่ายังไม่เข้าฝักเท่าไร ฤดูกาล 2010/11 ลงเล่นเกมลีก 12 เกม ยิงได้ 2 ประตู ต่อมา 2011/12 ลงเล่น 26 เกม ยิงไป 7 ประตู และฤดูกาล 2012/13 ลงเล่น 25 เกม ยิงได้เพียง 1 ประตู

นำไปสู่การถูกปล่อยขายไปให้ ไมนซ์ 05 ด้วยราคา 1.5 ล้านยูโร ซึ่งการย้ายทีมครั้งนี้ ชินจิ โอคาซากิ ก็สามารถพลิกสถานการณ์ งัดเอาเทคนิคการวิ่งของเขา มาใช้ได้สำเร็จในการวิ่งสารพัดอย่าง เพื่อทำลายกองหลังคู่แข่งในแต่ละเกม ทั้งการใช้ความเร็วฉีกกระชากกองหลัง พาบอลหลุดเข้าไปทำประตู วิ่งเพรสซิ่งไม่ให้คู่แข่งออกบอลได้ตามแผนที่วางเอาไว้ คอยวิ่งป้วนเปี้ยนแถวกรอบเขตโทษจนกองหลังอยู่กันไม่เป็นสุข

ทำให้ผลงานของเขากับ ไมนซ์ 05 ในช่วงสองฤดูกาลนั้น เรียกได้ว่าระเบิดฟอร์มร้อนแรง เริ่มจาก 15 ประตู จากการลงเล่น 33 เกมในศึกบุนเดสลีก้า ฤดูกาล 2013/14 และ 12 ประตู จากการลงเล่น 32 เกมในศึกบุนเดสลีก้า ฤดูกาล 2014/15 นับเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขา ในการนำจุดเด่นของตัวเองอย่างการวิ่ง มาใช้หาช่องทางไล่ล่าทำประตูคู่แข่ง

“การทำ 15 ประตูในหนึ่งฤดูกาล มันเป็นช่วงเวลาที่ผมเต็มไปด้วยความมั่นใจ ผมคิดว่าผมทำได้ดีกับการวิ่งในแต่ละครั้งให้ได้คุณภาพและการทำประตู” ชินจิ โอคาซากิ พูดถึงช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมของเขากับ ไมนซ์ 05

เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2014/15 เข้าสู่ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงหน้าร้อน 2015 ชินจิ โอคาซากิ ก็ได้รับข้อเสนอจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมจากศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้ไปร่วมทีมด้วย

เขาตอบรับข้อเสนอนี้ และ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้ตัว ชินจิ โอคาซากิ มาร่วมทีมสำหรับลุยฤดูกาล 2015/16 ด้วยราคา 11 ล้านยูโร

บทบาทของเขากับทีมจิ้งจอก จากเดิมก่อนหน้านี้ที่เป็นกองหน้าคนสำคัญในการทำประตูให้กับ ไมนซ์ 05 โอคาซากิ ได้รับมอบหมายจาก เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือ เลสเตอร์ ซิตี้ ในเวลานั้น ให้มาเล่นเป็นกองหน้าสายวิ่ง ที่จะคอยวิ่งไปรับบอลจากเพื่อน เพื่อช่วยพาบอลขึ้นหน้า ในเวลาที่ทีมเล่นรุก และวิ่งไล่บอลคู่แข่งไปทั่วสนาม พยายามแย่งบอลจากการครอบครองของคู่แข่ง ในเวลาที่ทีมเล่นเกมรับ

นำไปสู่การถูกปล่อยขายไปให้ ไมนซ์ 05 ด้วยราคา 1.5 ล้านยูโร ซึ่งการย้ายทีมครั้งนี้ ชินจิ โอคาซากิ ก็สามารถพลิกสถานการณ์ งัดเอาเทคนิคการวิ่งของเขา มาใช้ได้สำเร็จในการวิ่งสารพัดอย่าง เพื่อทำลายกองหลังคู่แข่งในแต่ละเกม ทั้งการใช้ความเร็วฉีกกระชากกองหลัง พาบอลหลุดเข้าไปทำประตู วิ่งเพรสซิ่งไม่ให้คู่แข่งออกบอลได้ตามแผนที่วางเอาไว้ คอยวิ่งป้วนเปี้ยนแถวกรอบเขตโทษจนกองหลังอยู่กันไม่เป็นสุข

ทำให้ผลงานของเขากับ ไมนซ์ 05 ในช่วงสองฤดูกาลนั้น เรียกได้ว่าระเบิดฟอร์มร้อนแรง เริ่มจาก 15 ประตู จากการลงเล่น 33 เกมในศึกบุนเดสลีก้า ฤดูกาล 2013/14 และ 12 ประตู จากการลงเล่น 32 เกมในศึกบุนเดสลีก้า ฤดูกาล 2014/15 นับเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขา ในการนำจุดเด่นของตัวเองอย่างการวิ่ง มาใช้หาช่องทางไล่ล่าทำประตูคู่แข่ง

“การทำ 15 ประตูในหนึ่งฤดูกาล มันเป็นช่วงเวลาที่ผมเต็มไปด้วยความมั่นใจ ผมคิดว่าผมทำได้ดีกับการวิ่งในแต่ละครั้งให้ได้คุณภาพและการทำประตู” ชินจิ โอคาซากิ พูดถึงช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมของเขากับ ไมนซ์ 05

เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2014/15 เข้าสู่ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงหน้าร้อน 2015 ชินจิ โอคาซากิ ก็ได้รับข้อเสนอจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมจากศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้ไปร่วมทีมด้วย

เขาตอบรับข้อเสนอนี้ และ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้ตัว ชินจิ โอคาซากิ มาร่วมทีมสำหรับลุยฤดูกาล 2015/16 ด้วยราคา 11 ล้านยูโร

บทบาทของเขากับทีมจิ้งจอก จากเดิมก่อนหน้านี้ที่เป็นกองหน้าคนสำคัญในการทำประตูให้กับ ไมนซ์ 05 โอคาซากิ ได้รับมอบหมายจาก เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือ เลสเตอร์ ซิตี้ ในเวลานั้น ให้มาเล่นเป็นกองหน้าสายวิ่ง ที่จะคอยวิ่งไปรับบอลจากเพื่อน เพื่อช่วยพาบอลขึ้นหน้า ในเวลาที่ทีมเล่นรุก และวิ่งไล่บอลคู่แข่งไปทั่วสนาม พยายามแย่งบอลจากการครอบครองของคู่แข่ง ในเวลาที่ทีมเล่นเกมรับ

 

 

“กองหน้าที่เล่นไม่เหมือนกองหน้า นั่นแหละคือ โอคาซากิ” โนบุฮิโระ อิชิกิ นักข่าวกีฬาชาวญี่ปุ่น เคยให้คำนิยามกับ ชินจิ โอคาซากิ เมื่อนักเตะคนนี้ได้ลงสนาม

“เขาไม่ได้มีผลงานที่น่าประทับใจนักในฐานะของการเป็นกองหน้า โอคาซากิ ไม่ได้มีผลงานการทำประตู การเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งที่มากมายอะไร แต่ โอคาซากิ เก่งในเรื่องของรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และสไตล์การเล่นของเขานั้นเข้ากับแผนการเล่นของเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นอย่างดี เขาวิ่งได้อย่างชาญฉลาด และวิ่งได้อย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดให้กับทีม” ไมเคิล ค็อกซ์ นักข่าวสายฟุตบอล กล่าวใน The Guardian

ชินจิ โอคาซากิ แยกทางกับ เลสเตอร์ ซิตี้ หลังจบฤดูกาล 2018/19 เจ้าตัวก็ได้ไปค้าแข้งอยู่ในลีกรองของสเปน ช่วงปี 2019-2022 ก่อนจะย้ายไปเล่นให้ แซงต์ ทรุยด็อง ในลีกเบลเยี่ยม ช่วงฤดูกาล 2022/23 และล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ประกาศเตรียมแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาล 2023/24 แล้วเรียบร้อย พร้อมให้เหตุผลเรื่องสภาพร่างกายที่โรยราลงเรื่อย ๆ

ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา กองหน้าดีกรีทีมชาติญี่ปุ่นรายนี้ ก็ยอมรับว่าเขาอยากจะให้ทุกคนที่กำลังอยู่ในเส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้เห็นถึงความสำคัญของการวิ่งอย่างถูกวิธี ที่มันจะช่วยรีดเร้นศักยภาพการวิ่งที่มากขึ้นของแต่ละคนออกมา

“กองหน้าที่เล่นไม่เหมือนกองหน้า นั่นแหละคือ โอคาซากิ” โนบุฮิโระ อิชิกิ นักข่าวกีฬาชาวญี่ปุ่น เคยให้คำนิยามกับ ชินจิ โอคาซากิ เมื่อนักเตะคนนี้ได้ลงสนาม

“เขาไม่ได้มีผลงานที่น่าประทับใจนักในฐานะของการเป็นกองหน้า โอคาซากิ ไม่ได้มีผลงานการทำประตู การเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งที่มากมายอะไร แต่ โอคาซากิ เก่งในเรื่องของรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และสไตล์การเล่นของเขานั้นเข้ากับแผนการเล่นของเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นอย่างดี เขาวิ่งได้อย่างชาญฉลาด และวิ่งได้อย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดให้กับทีม” ไมเคิล ค็อกซ์ นักข่าวสายฟุตบอล กล่าวใน The Guardian

ชินจิ โอคาซากิ แยกทางกับ เลสเตอร์ ซิตี้ หลังจบฤดูกาล 2018/19 เจ้าตัวก็ได้ไปค้าแข้งอยู่ในลีกรองของสเปน ช่วงปี 2019-2022 ก่อนจะย้ายไปเล่นให้ แซงต์ ทรุยด็อง ในลีกเบลเยี่ยม ช่วงฤดูกาล 2022/23 และล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ประกาศเตรียมแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาล 2023/24 แล้วเรียบร้อย พร้อมให้เหตุผลเรื่องสภาพร่างกายที่โรยราลงเรื่อย ๆ

ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา กองหน้าดีกรีทีมชาติญี่ปุ่นรายนี้ ก็ยอมรับว่าเขาอยากจะให้ทุกคนที่กำลังอยู่ในเส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้เห็นถึงความสำคัญของการวิ่งอย่างถูกวิธี ที่มันจะช่วยรีดเร้นศักยภาพการวิ่งที่มากขึ้นของแต่ละคนออกมา

 

 

 

หากท่านใดสนใจสมัครให้กดลิ้งนี้ หรือมีข้อสงสัยสามารถสอบถามมาได้ที่…

https://member.ufafun88.fun/register/?s=google

หรือแอดไลน์

https://lin.ee/omb8BU5

บริการอื่นๆนอกเหนือจาก Shinji Okazaki

แชร์บทความนี้ให้เพื่อน

Facebook
Twitter
VK

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *